DITPสั่งลุย! SMEs Pro-active ชงโกอินเตอร์สร้างมูลค่าการส่งออก

“บรรจงจิตต์” รับลูก รมว.พาณิชย์ สั่งลุยโครงการ SMEs Pro-active เปิดรับสมัคร SMEs และ Tech Startup ยื่นขอรับการสนับสนุน เพื่อสร้างโอกาสในการโกอินเตอร์ ยันพร้อมช่วยเหลือให้คำแนะนำเต็มที่ ระบุโครงการระยะ 3 ปรับเกณฑ์ง่ายขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมรายย่อยและผู้ประกอบการต่างจังหวัด

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะเร่งรัดการจัดทำโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active) ระยะที่ 3 (ปี 2562-64) ตามนโยบายของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีนโยบายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจ Tech Startup และให้ลงลึกไปถึงผู้ประกอบการในส่วนภูมิภาค ได้มีโอกาสในการส่งออกและออกไปทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศ

“ตอนนี้โครงการ SMEs Pro-active เริ่มแล้ว ผู้ประกอบการรายใดที่สนใจสามารถสมัครเข้ามาร่วมโครงการได้ โดยกรมฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ที่ยังไม่เคยออกไปทำตลาดต่างประเทศได้เรียนรู้และเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ฐานราก และขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการในทุกระดับ ในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและกิจกรรมเจรจาการค้าในต่างประเทศ (Business Matching และ Pitching/Startup) โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการอะไร แต่ถ้าเห็นว่ามีโอกาส กรมฯ ก็พร้อมสนับสนุน” น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว

น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าวว่า โครงการ SMEs Pro-active ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การสนับสนุนและเพิ่มเติมลักษณะกิจกรรมที่สนับสนุนของโครงการ เพื่อตอบสนองตามข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการในระยะที่ผ่านมา และยังได้ปรับปรุงให้โครงการมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้กับ SMEs ตั้งแต่ระดับฐานราก โดยได้ทำงานร่วมกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยในการดำเนินการ

สำหรับหลักเกณฑ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนง่ายขึ้น เช่น การเริ่มต้นนับสิทธิ์การเข้าร่วมตั้งต้นใหม่ (Set Zero) เพื่อเปิดโอกาสแก่ผู้ใช้สิทธิ์รายเก่าที่ใช้สิทธิ์ครบจำนวน จากระยะก่อนหน้า รวมถึงแก้ไขคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการเป็นนิติบุคคลที่มีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อขยายฐานการสนับสนุนให้ครอบคลุมผู้ประกอบการมากขึ้นในทุกระดับ

และยังได้เพิ่มโอกาสให้ผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ซึ่งส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านกิจกรรมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศจำนวน 6 ครั้ง โดยได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท และกิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจในต่างประเทศ ประกอบด้วยกิจกรรมเจรจาการค้า และกิจกรรมนำเสนอผลงาน เพื่อขายหรือระดมเงินทุน อาทิ การประกวดภาพยนตร์และสารคดีในต่างประเทศ จำนวน 6 ครั้ง และได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท เป็นต้น

“เป้าหมายการจัดทำโครงการระยะที่ 3 ได้ตั้งเป้าสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ทำได้จากโครงการระยะที่ 1 และ 2 โดยโครงการระยะที่ 1 (ปี 2556-58) ได้สนับสนุน ผู้ประกอบการกว่า 2,600 ราย เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกรวมกว่า 269 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8,600 ล้านบาท และโครงการระยะที่ 2 สนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 1,747 ราย มูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกรวมประมาณ 211 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,963 ล้านบาท” อธิบดี เผย