‘สมคิด’ สั่งเร่งพิจารณาพักชำระหนี้-สวัสดิการกองทุนหมู่บ้านฯ แล้วเสร็จก่อนปีใหม่ พร้อมผุดโครงการ ‘โฆษกอาสาประชารัฐ’

“สมคิด” นั่งหัวโต๊ะถกร่วม “กองทุนหมู่บ้านฯ” สั่งเร่งพิจารณาพักชำระหนี้-เสริมสวัสดิการ กทบ. คาดเข้าที่ประชุมอีกรอบภายใน 2 สัปดาห์ หวังให้ทันก่อนปีใหม่ พร้อมผุดโครงการ “โฆษกอาสาประชารัฐ” ดึงแกนนำ 8,000 คนทุกตำบลทั่วประเทศ ช่วยประสานทำความเข้าใจกับสมาชิก พ่วงร่วมปลูกต้นไม้ทั่วแผ่นดิน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้รับทราบ 4 โครงการใหญ่ ซึ่งรวมถึงโครงการพักชำระหนี้และส่งเสริมสวัสดิการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารฯ ชุดใหม่ ไปพิจารณาโดยเร็ว คาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อให้ทันก่อนสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณารับทราบโครงการ ได้แก่ โครงการโฆษกอาสาประชารัฐ ซึ่งตั้งเป้าพัฒนาแกนนำจากทุกตำบลทั่วประเทศ ประมาณ 8,000 คน ซึ่งเครือข่ายกองทุนฯ แต่ละตำบลการคัดเลือกผู้แทนขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ประสานทำความเข้าใจระหว่างสมาชิกกับกองทุน และระหว่างประชาชนในหมู่บ้านกับชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สื่อสาร” การทำงานและนโยบายต่างๆ ของรัฐไปถึงประชาชน และสะท้อนความต้องการของประชาชนกลับมาที่รัฐได้อย่างถูกต้อง โดยจะได้รับการฝึกอบรมและการฝึกปฏิบัติภาคสนาม ตามหลักสูตรที่สํานักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.)  ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้เรื่องการผลิตข่าว การเขียนข่าว การส่งข่าว โดยใช้สื่อต่างๆ ควบคู่การอบรมเรื่องบทบาทหน้าที่ จรรยาบรรณ และการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนในบทบาทของโฆษกชุมชน

นอกจากนี้ ที่ประชุม กทบ. ยังรับทราบโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา โดยมองว่ากองทุนเกือบ 8 หมื่นกองทุน และสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ กว่า 13 ล้านคนทั่วประเทศ จะเป็นกำลังและพลังสำคัญ ในการร่วมกันปลูกต้นไม้ทั่วแผ่นดิน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ กองทุนฯ จะเข้ามามีบทบาทและสามารถติดตามกำกับให้ โดยอาจใช้เงื่อนไขนี้กับสมาชิกที่พักชำระหนี้หรือลดดอกเบี้ย ซึ่งต้องปลูกต้นไม้เพื่อเป็นหลักค้ำประกัน

ด้านนายนที  ขลิบทอง ผู้อํานวยการ สทบ. กล่าวว่า ในวันที่ 25 ก.ค. 2563 จะเป็นวันขึ้นปีที่ 20 ของกองทุน จึงขอเชิญชวนเชิญชวนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศ ร่วมกันปลูกต้นไม้ ถ้าทั้งเกือบ 8 หมื่นกองทุนในปัจจุบัน ช่วยกันปลูกกองทุนฯ ละประมาณ 1,000 ต้น ก็จะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 80 ล้านต้นทั่วประเทศโดยทันที

“นอกจากจะช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ป้องกันปัญหาภัยธรรมชาติ และสร้างสินทรัพย์ให้กับหมู่บ้านและชุมชนแล้ว ต้นไม้จะเป็นการออมให้กับสมาชิกกองทุนสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งจะทำให้สามารถหลุดพ้นจากกับดักหนี้ได้เป็นอย่างดี” นายนที กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ จะเปิดโครงการเพาะชำกล้าไม้ในชื่อ “เปิดปฏิบัติการกองทุนกล้าไม้” รวมทั้งมีหน่วยงานภาคีร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา ครอบคลุมทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษาและสถาบันการเงิน ได้แก่ กรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) และ ธ.ก.ส. ในต้นเดือนธันวาคมปีนี้

“ประธาน กทบ. ยังได้ฝากเน้นให้ สทบ. ประสานกับกองทุนฯ เตรียมความพร้อม หารือแนวทางดำเนินการระยะต่อไปอย่างเร่งด่วน ให้ทุกคนมีส่วนร่วม ตลอดจนประสานหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทำงาน อย่างใกล้ชิดกับสมาชิกกองทุนฯ และให้ได้รับประโยชน์มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินภาครัฐได้ชัดเจนยิ่งขึ้น” นายนที กล่าว

นายนที กล่าวต่ออีกว่า ที่ประชุม กทบ. ครั้งนี้ ได้มีมติรับทราบและชื่นชมผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปี 2562 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย สทบ. ได้คะแนน A ในลำดับที่ 156 จากจำนวนหน่วยงานทั่วประเทศกว่า 8,000 องค์กร ด้วยคะแนนสูงกว่า 90%