ภัยคุกคาม ‘ประชาธิปไตย’ และ ‘เสรีภาพ’ ของฮ่องกง

รายงานข่าวจากสำนักข่าวซินหัว ได้จัดทำบทความ โดยระบุว่า ณ ห้วงยามนี้ม่านหมอกความมืดมนกำลังแผ่กระจายทั่วฮ่องกง มวลชน “ชุดดำ” ชูสโลแกนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง กลุ่มอันธพาลปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากและกางร่มดำอำพรางการใช้ความรุนแรง โดยทั้งหมดอ้างความชอบธรรมจากคำว่า “ประชาธิปไตย” และ “เสรีภาพ”

โดยบรรยากาศแห่งความมืดมนสร้างความหดหู่แก่คนท้องถิ่น ซึ่งหวาดกลัวจะแสดงความคิดเห็นหรือกระทำการเคลื่อนไหว แม้พานพบเหตุการณ์ความรุนแรงจากฝีมือผู้ก่อการจลาจล ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพของฮ่องกง ดินแดนอันสุขสงบและมั่งคั่งทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) กลุ่มผู้ก่อการจลาจลชุดดำบุกทำลายทรัพย์สินสาธารณะของสถานีรถไฟใต้ดิน ส่งผลให้เครือข่ายขนส่งมวลชนหลักของฮ่องกงต้องระงับการให้บริการ และยังทำลายร้านค้าที่พวกเขามองว่าเจ้าของเป็น “คนรักชาติ” ลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้อื่น ทั้งนี้ พฤติกรรม “ตกลงกันเป็นการส่วนตัว” ซึ่งเป็นเพียงคำพูดสวยหรูบดบังพฤติกรรม “ตั้งศาลเตี้ย” ทำร้ายคนที่ไม่เห็นด้วยหรือแค่มีมุมมองทางการเมืองแตกต่างของผู้ก่อการจลาจล พุ่งทะยานถึงขีดสุดครั้งใหม่ในคืนวันอาทิตย์หลังจากพวกเขารุมทำร้ายร่างกายประชาชนอย่างน้อย 3 คน

ขณะเดียวกัน หญิงคนหนึ่งถูกชายสวมหน้ากากหลายคนรุมทำร้ายร่างกายหลังเธอบันทึกภาพกลุ่มผู้ก่อการจลาจลทำลายตู้เอทีเอ็ม โดยคลิปวิดีโอจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นทีวีบี (TVB) เผยให้เห็นกลุ่มชายชุดดำตะโกนด่าทอ ผลักไส และยิงแสงเลเซอร์ใส่หน้าหญิงสาวที่มีเลือดไหลออกจากปากและลำคอ ซึ่งสังคมบนอินเทอร์เน็ตก็มิอาจหลีกหนีความมืดมนจนกลายเป็น “ดินแดนออนไลน์ที่อนธการ” ตัวอย่างเช่น โทบี กู (Toby Gu) วล็อกเกอร์ (vlogger) ชาวแคนาดาที่โพสต์คลิปวิดีโอกลุ่มอันธพาลทำร้ายคนที่เดินผ่านมาบนเว็บไซต์ยูทูบ ได้รับข้อความข่มขู่เอาชีวิต

ทั้งนี่้ โทบี กู ชาวต่างชาติที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับฮ่องกงอย่างใกล้ชิด ตัดสินใจเดินทางเยือนฮ่องกงด้วยความคิดว่าจะได้พบ “ผู้ประท้วงรักสันติ” และ “ตำรวจโหดเหี้ยม” แต่ความจริงกลับตาลปัตร เพราะภาพที่เขาเห็นคือผู้ประท้วงที่โหดร้ายป่าเถื่อนและตำรวจที่พยายามอดทนอดกลั้นแทน โดยคลิปวิดีโอความยาวราว 5 นาทีของโทบี กู บันทึกเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อการจลาจลรุมเตะต่อยชายคนหนึ่งที่ถูกต้อนเข้ามุมสถานีรถไฟใต้ดินอย่างไม่ยั้งมือยั้งเท้าจนเลือดตกยางออก โดยสาเหตุมาจากชายคนดังกล่าวกวาดใบปลิวที่ผู้ประท้วงติดไว้บนกำแพงสถานีรถไฟใต้ดินเท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี ปฏิกิริยาจากกลุ่มผู้ประท้วงต่อคลิปวิดีโออันน่าสะเทือนขวัญของโทบี กู กลับกลายเป็นความโมโหโกรธาอย่างรุนแรง โดยพวกเขาไล่ตามแสดงความคิดเห็นและส่งข้อความอาฆาตมาดร้าย บางส่วนถึงกับเขียนข่มขู่อย่างน่าเกรงกลัวว่า “มีมีดพร้อมลงมือแล้ว”

หากถามถึง “เสรีภาพในการพูด” คำตอบคือ “ใช่! สำหรับคนที่คิดเหมือน” และ “ไม่! สำหรับคนที่คิดต่าง” โดยผู้ประท้วงหัวรุนแรงได้วาดภาพกราฟฟิติ ติดโปสเตอร์และใบปลิวตามอาคารสาธารณะและหน้าร้านค้า ขณะบางส่วนชักจูงเด็กๆ โดดเรียน รวมถึงชูป้ายใส่ร้าย ก่นด่า และดูถูกดูแคลน สำหรับฮ่องกงทุกวันนี้ แค่การออกมาทำความสะอาดเช็ดล้างภาพกราฟฟิติและกำจัดโปสเตอร์ที่แปะอยู่ผิดที่ผิดทางยังต้องใช้ความกล้าหาญอันมากโข เพราะกลุ่มผู้ก่อการจลาจลขู่ว่าใครก็ตามบังอาจมาเคลื่อนย้าย “กำแพงเลนนอน” (Lennon Wall) ของพวกเขาจะต้องเจอดี

“อย่างน้อยที่สุดคือเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีคำว่า ‘อดทนอดกลั้น’ บัญญัติอยู่ในพจนานุกรมของพวกเขา”

สำหรับ สีสันของเสื้อผ้ายังกลายเป็นเรื่องที่ต้องระแวดระวัง เพราะอาจสะท้อนมุมมองทางการเมืองออกมาโดยที่ผู้สวมใส่ไม่ทันรู้ตัว ยามผู้ก่อการจลาจลชุดดำกลุ่มใหญ่แห่ยึดท้องถนน ผู้คนที่สวมเสื้อผ้าสีอื่นอาจเจอเรื่องยุ่งยาก โดยเฉพาะคนสวมเสื้อสีขาวที่ตรงข้ามกับสีดำ หรือสีฟ้าที่เป็นสีเสื้อตำรวจฮ่องกง ซึงคนจำนวนมากบนเกาะฮ่องกงถูกบีบบังคับให้อยู่ในความเงียบงัน เพราะคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นจะถูกรุมทำร้าย เด็กๆ ต้องเข้าร่วมการชุมนุมที่ผิดกฎหมายเพราะถูกถูกเพื่อนและครูหัวรุนแรงกดดัน ลูกชายลูกสาวของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกลั่นแกล้งด้วยการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ไม่เคยได้ยินเรื่องราวทำนองนี้? ประสบการณ์จากโทบี กู อธิบายว่าขณะบันทึกภาพอันธพาลรุมทำร้ายประชาชน พร้อมกับกล้องอื่นๆ ข้างกันอีกนับสิบตัว เขาพบว่าสื่อตะวันตกและท้องถิ่นบางส่วนกลับเพิกเฉยเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะพวกเขาต้องการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยให้เสรีภาพและประชาธิปไตยเบ่งบานคือ “การเป็นอิสระจากความกลัว” แต่กลุ่มผู้ก่อการจลาจลได้ฉกฉวยสิ่งนี้ไปจากชาวฮ่องกงคนอื่นๆ เสียแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำที่สำแดงภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพของฮ่องกงอย่างแท้จริง